วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

เสียงเพลงในสายฝน

ท่ามกลางทะเลอันเวิ้งว้าง ขณะที่หมู่เมฆเริ่มมืดครื้ม ลมเริ่มพัดแรงขึ้น ความหนาวเหน็บกำลังคืบคลานอย่างช้าๆ ใบหน้าที่เริ่มเปียกชื้นเพราะละอองฝน ผมปรายตาไปรอบตัว ทุกสิ่งเริ่มเปียกปอนชื้นแฉะ ประหนึ่งกำลังถูกชำระล้างจากฟากฟ้า ในสายฝนนั้นมักจะให้ความรู้สึกแตกต่างหลากหลาย บางครั้งรุนแรงจนน่ากลัว บางขณะกลับหนาวเย็นและเงียบเหงา เราไม่สามารถทำนายได้ว่าฝนจะตกหรือหยุดเมื่อไหร่ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่คนเรามักจะผูกโยงอารมณ์ ความรู้สึก กับหยาดฝน หลายครั้งผมอดคิดไม่ได้ว่าพฤติกรรมฝนคล้ายดั่งจิตใจหญิงสาว ใกล้ชิดกลับเฉยเมย หนีห่างกลับเรียกร้อง เช่นกันความต้องการของเธอคืออะไร ใช่หรือไม่ใช่ ความแน่นอนหรือความไม่แน่นอน แต่การคิดแบบนี้ดูจะมองเพียงด้านเดียวและไม่ยุติธรรมกันเกินไป เพราะในอีกแง่มุมละอองฝนก็ให้ความเย็นฉ่ำเหมือนสาวน้อยที่ให้ความสดชื่นยามคิดถึง เหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานในใจชายหนุ่ม และเราจะไม่รู้สึกเหน็บหนาวเลยเพราะเปียกฝนถ้าอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก
ในบางบทเพลงที่พูดถึงสายฝนนั้น ยังมีนัยบ่งบอกถึงความทุกข์ยาก ความเจ็บปวด และน้ำตา ดั่งเช่น เพลงนี้ Crying in the rain (The Everly Brothers) ซึ่งพูดถึงคนทุกข์ที่กำลังแสวงหาสายฝนเพื่อลบรอยน้ำตาที่ขมขื่น แล้วทำไมคนเราถึงเปรียบเทียบน้ำฝนกับความทรมานในใจ หรือเพียงเพราะขณะนั้นเสียงฝนตกฟังไม่ได้สรรพ ทำให้จิตใจว้าวุ่นไปด้วย หรือการมาของหยาดฝนมักจะมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องซึ่งไม่ต่างอะไรกับเสียงร่ำไห้ระทมทุกข์



แต่ทุกสิ่งย่อมมีสองด้านเสมอ ในหยดฝนก็มีความชุ่มชื้นเย็นฉ่ำ สดใส Rain drops keep falling on my head คือเพลงนั้น สายฝนถูกเปรียบกับน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มของชาวไร่ชาวนา ที่คาดหวังจะได้เห็นผลผลิตของตนกำลังเจริญงอกงามในอนาคต



เมื่อลองคิดถึงเพลงไทยกันบ้าง ผมจะลืมเพลงนี้ไปไม่ได้ ทะเลใจ (คาราบาว) ผมเชื่อว่าโดยเนื้อหาของเพลงนี้อาจจะไปกระทบใจใครหลายๆคน ซึ่งรวมถึงผมด้วย มีใครบ้างที่ไม่เคยผ่านช่วงวัยแห่งความฝัน วันเวลาแห่งการแสวงหาตัวตนที่แท้จริง กับบางคนที่กำลังค้นหาและตั้งคำถามให้กับชีวิต แต่ยิ่งหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ การได้ฟังเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งซักเพลงก็อาจทำให้เราได้ฉุกคิดอะไรได้บ้าง
"ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย ใจในร่างกายกลับไม่เจอ ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนั้นพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข"



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น